[Fic The Mask singer] #มัธยมหน้ากาก
"สอนผมเต้นลีลาศหน่อยครับ!" ฟิคมโนจากแท็ก #มัธยมหน้ากาก
ผู้เข้าชมรวม
3,876
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
ได้ไอเดียมาจากแท็ก #มัธยมหน้ากากค่ะ มาเม้าท์มอยกันได้ที่ นี่
_________________________________________________________________________________________________
“สถาบันหน้ากาก” สถาบันที่เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลไปจนถึงมัธยมศึกษา เป็นสถาบันที่มีการสอบเข้าและการแข่งขันสูงติดระดับต้นๆของประเทศ โดยผู้ที่มีสิทธิ์เข้าเรียนที่นี้ต้องทำตามกฎที่ว่า “ผู้เข้าศึกษาทุกคนต้องสวมหน้ากากเพื่อปกปิดตัวตนของตนเองและไม่เปิดเผยตัวตนไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น” โดยมีเหตุผลมาจากที่ท่านผู้อำนวยการต้องการลดปัญหาการมีความรักในวัยเรียน และปัญหาการทะเลาะวิวาท โดยถ้าเราไม่รู้ว่าคนภายใต้หน้ากากนั้นเป็นใคร ปัญหาเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น-ซึ่งคณาจารย์หลายท่านเห็นด้วยกับเหตุผลนี้- แต่ก็แอบมีข่าวลือมาอย่างลับๆในหมู่นักเรียนด้วยกันว่า เหตุผลจริงๆของการสวมหน้ากาก อาจเป็นเพราะความชอบส่วนตัวและความสนุกอยู่ลึกๆก็-เป็น-ได้
ดังนั้นแล้ว
นอกจากที่นี่จะเป็นสถาบันที่คร่ำเคร่งในด้านวิชาการถึงขั้นรีไทร์เด็กที่ทำคะแนนวิชาการงานได้ต่ำกว่าเกณฑ์แล้ว
ยังอาจเป็นสถาบันที่มีความบันเทิงที่สุดในประเทศด้วยเช่นกัน
แต่เวลาเรียนก็คือเวลาเรียน
เวลาเล่นก็คือเวลาเล่น ต่อให้มีการแข่งขันสูงแค่ไหน
ช่วงพักกลางวันก็ถือเป็นช่วงเวลาแห่งสวรรค์ของเด็กหลายๆคนด้วยเช่นกัน
แต่บางคนก็ไม่ล่ะนะ
“พี่~ดำ~คร้าบ~”เสียงหวานที่เจือด้วยความกวนตีนดังลอยมาตามลม
ร่างเล็กๆที่เตี้ยกว่าระดับมาตรฐานกำลังโบกมือหยอยๆให้กับรุ่นพี่หนุ่มที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะม้าหิน
“อีกาดำ
เรียกให้ถูกหน่อย”หนุ่มรุ่นพี่หันควับมาตอบในทันใด
“ครับๆ พี่อีกาดำครับ”ทุเรียนหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ
“แล้วพี่ทำอะไรอยู่น่ะ”มองโต๊ะม้าหินที่มีฝาขวดน้ำอัดลมนับสิบวางอยู่อย่างเป็นระเบียบแล้วอดถามไม่ได้
“เล่นหมากฮอส”เสียงแหบตอบกลับมานิ่งๆ
“คนเดียวเนี่ยนะ?”
“อืม”
พี่ท่านจะเทพเกินไปแล้วครับ!!
ชายหนุ่มในหน้ากากทุเรียนมองรุ่นพี่คนสนิทด้วยความอึ้ง
ไม่ได้อึ้งในความสามารถด้านหมาก
ฮอสแต่อย่างใด แต่อึ้งที่สามารถเล่นหมากฮอสคนเดียวได้มากกว่า
เอ่อ...นี่พี่ชายผมไร้สังคมขนาดนี้เลยหรอ ทุเรียนเพลียย
“แล้วเพื่อนพี่ล่ะครับ”
“ไปดีดอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้”เป็นอันรู้ว่าหมายถึงใคร
คนที่อีกาดำสนิทด้วยนั้นสามารถนับจำนวนได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว
คงเป็นเพราะบุคลิกที่ดูจริงจังและชอบแผ่รังสีกดดันออกมาโดยไม่รู้ตัวเสมอเลยทำให้รุ่นพี่คนนี้ไม่ค่อยมีเพื่อนที่สนิทด้วยมากนัก
แต่ทุเรียนรู้ว่าคนๆนี้บันเทิงกว่าที่ตาเห็น ไม่งั้นคงมาคบกับเขาไม่ได้หรอก
เพราะเขาน่ะ
จอมกวนตีนตัวพ่อเลยล่ะ
“คือผมมีเรื่องอยากให้พี่ช่วยหน่อย”ทุเรียนเริ่มเข้าประเด็นที่ตนมาหาเขาในวันนี้
หลังจากที่นั่งจ้องอีกาเล่นหมากฮอสกับตัวเองมาสักพัก
อีกาดำเลิกคิ้ว
ใช้ความเงียบเป็นสัญญาณบอกว่าให้พูดต่อไปได้
“พี่ช่วยสอนผมเต้นลีลาศทีดิ”
ห้ะ?!
อีกาดำหันขวับไปหารุ่นน้องทันที
สอนลีลาศ? หมอนี่เนี่ยนะ มาขอให้เขาสอนลีลาศ? เมาทุเรียนรึไง
เมื่อเห็นรุ่นพี่จ้องเขม็ง
ทุเรียนจึงได้แต่นั่งตัวลีบแล้วค่อยๆอธิบาย “คือชั้นม.4
มีเรียนลีลาศแล้วผมได้เต้นคู่กับโพนี่” พอมาถึงท่อนนี้แล้วคิ้วของอีกาดำแอบกระตุกเบาๆภายใต้หน้ากาก
“แต่รายนั้นจู้จี้ชะมัด เต้นผิดนิดผิดหน่อยก็บ่น อยากเต้นคู่กับครูกันต์บ้างล่ะ
อะไรบ้างล่ะ”ทุเรียนพ่นลมหายใจออกมาดังๆ “ใครมันจะอยากไปเต้นผิดบ่อยๆกันล่ะ!”
“นายก็เลยจะมาขอให้ฉันสอนเต้น?”
เด็กหนุ่มพยักหน้ารัวๆ
พยายามทำท่าออดอ้อนให้น่ารักที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้จะทำได้
“นะครับพี่อีกาสุดหล่อสุดเท่ ผมรู้นะว่าพี่ได้เกรดสี่วิชาลีลาศน่ะ”แอบไปถามพี่หมูป่าผู้เคยผ่านร้อนหนาววิชานี้ด้วยกันมา
ถึงจะไม่น่าเชื่อ แต่อีกาดำเคยถูกขอให้เป็นตัวแทนไปแข่งลีลาศกระชับมิตรระหว่างโรงเรียนมาแล้ว
อีกาดำมองท่าทางออดอ้อนนั้นแล้วก็อดจะใจอ่อนไม่ได้
จนอยากจะจับมาฟัดสักครั้งให้รู้แล้วรู้รอดมือแสร้งลูบคางอย่างใช้ความคิดถึงผลตอบแทนที่ตนจะได้ตามหลักวิชาเศรษฐศาสตร์
“ถ้าฉันสอนนายแล้วฉันจะได้อะไร”
“ทุเรียนสามมื้อหลังอาหารเช้า-กลางวัน-เย็น!!”ตอบกลับไปแบบไม่สนว่าอีกคนชอบทุเรียนหรือไม่
“ไม่เอาหรอก
กินแบบนั้นได้ร้อนในตายกันพอดี”อดส่ายหัวให้กับความไร้เดียงสาแบบตลกร้ายไม่ได้
“งั้นกินมังคุดตามก็จบฮะ”ตามทฤษฏีกินของร้อนแล้วต้องต่อด้วยของเย็น
เป็นการปรับสมดุลหยิน หยางภายในร่างกาย
“ถ้าพี่ไม่สอนผม ผมไปขอให้พี่จิงโจ้สอนให้ก็ได้”เมื่อเห็นอีกคนยังไม่ยอมให้คำตอบเสียที คนตัวเล็กเลยตัดพ้อด้วยความน้อยใจและทำท่าจะลุกเดินออกไปเสียดื้อๆ
ถ้าไม่สอนผมก็ไม่ง้อหรอก!
แต่มีหรือที่อีกาจะยอม
มือของอีกฝ่ายคว้าหมับ!เข้าที่ลำแขนทันที
อีกาดำเผลอปล่อยรังสีอำมหิตออกมาครู่หนึ่งเมื่อได้ยินชื่อคู่อริออกมาจากปากของรุ่นน้องคนนี้
“ยังไม่ได้บอกว่าจะไม่สอนเสียหน่อย” เขาไม่มีทางปล่อยโอกาสแบบนี้ให้หลุดไปเสียหรอก
ทุเรียนตาลุกวาวทันที
ชายร่างเล็กยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนจมูกแทบจะชนกัน “พี่จะสอนผมจริงๆใช่มั้ยครับ!”
อีกาดำแอบใช้โอกาสนี้สูดกลิ่นกายของคนตรงหน้า
และแน่นอนว่าไม่พ้นกลิ่นทุเรียน “อืม”
“ขอบคุณมากครับพี่
พี่นี่ใจดีที่สุดเลย!”ดีใจเสียจนเผลอกอดรุ่นพี่ไปแรงๆหนึ่งที
“ถ้างั้นผมขอตัวไปเรียนก่อนนะครับ
จะซ้อมที่ไหนก็ไลน์มาบอกผมด้วยนะ”พูดจบก็วิ่งเริงร่าท่าไททันขึ้นชั้นเรียนไป
ทิ้งให้คนถูกกอดมองตามไปแบบขำๆ
ลีลาศงั้นรึ
โอกาสแบบนี้คงจะไม่มาให้เห็นบ่อยๆ ใครปล่อยให้หลุดมือไปก็โง่แล้ว
อีกาดำกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ_และแอบทะเล็ดออกมาทางใบหน้า_เมื่อมีเหยื่อเข้าปากพอดี
รุ่นพี่หนุ่มนั่งนึกไปพลางๆว่าจะสอนแบบไหนดีเขาถึงจะได้กำไรจากรุ่นน้องมากที่สุด
“ฮั่นแน่!!! นั่งยิ้มอะไรอยู่คนเดียวน่ะ!!”จู่ๆเสียงเดซิเบล
108 หลอดของหมูป่าก็ดังขึ้นมาจากข้างหลัง
ทำเอาคนที่นั่งอยู่ถึงกับสะดุ้งสุดตัว
ความคิดเมื่อครู่กระจัดกระจายหายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เธอ”อีกาพูดรอดไรฟันด้วยความหงุดหงิด
บทจะมาก็มา บทจะหายก็หาย ให้มันได้อย่างนี้สิ!
หญิงสาวผู้สวมหน้ากากหมูป่าและเสื้อคลุมตัวนอกแบบเฮฟวี่ๆ
ผู้เป็นเพื่อนสนิทและผู้หญิงเพียงคนเดียวที่สามารถต่อกรกับอีกาดำได้ เธอมองเพื่อนชายของตัวเองที่กำลังอารมณ์ประทุด้วยความชอบใจ
ก่อนจะเอากำปั้นทุบฝ่ามือแล้วร้อง อ๋ออ ออกมา
“ช่วงที่ฉันไม่อยู่
นายมาแอบอี๋อ๋อกับน้องทุเรียนนี่เอง”
“เงียบน่า!”
.
.
.
เป็นเรื่องธรรมดาสามัญทั่วไปที่เด็กส่วนใหญ่จะไม่สนใจเรียนในช่วงคาบบ่าย(เนื่องจากวิชาหนักๆถูกอัดไปอยู่ในช่วงเช้าแทบทั้งสิ้น)
บางคนก็เล่นมือถือ ส่วนบางคนก็ไปเข้าเฝ้าพระอินทร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่สำหรับกลุ่มเด็กเรียน
ต่อให้เป็นวิชาที่ไม่สำคัญก็ทิ้งไม่ได้อยู่ดี โดยเฉพาะเด็กห้อง A
ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความเก่งแล้วนั้น
คนที่ไม่ตั้งใจเรียนจึงหาได้ยากกว่าห้องทั่วไป
“นี่ระฆัง”เสียงโพนี่กระซิบเบาๆข้างหูเพื่อนชายในขณะที่มือจดตามตัวอักษรบนกระดานยิกๆ
“นายว่าทุเรียนแปลกๆไปมะ?”บุ้ยปากไปทางเพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆระฆังถึงแม้อีกคนจะไม่เห็นว่าบุ้ยปากก็เถอะ
ระฆังมองตามแล้วพยักหน้า
“มากๆ” เขาตอบกลับด้วยเสียงที่เบาพอกัน “ตั้งแต่กลับมาจากช่วงพักกลางวันก็ดูแปลกไป”
โพนี่พยักหน้ารัวๆ
ตั้งแต่กลับมาจากช่วงพักกลางวันก็แปลกไปจริงๆอย่างที่ระฆังบอก เหม่อในคาบเรียนบ้าง
เช็คโทรศัพท์ทุกๆ 5 นาทีบ้าง นั่งยิ้มคนเดียวบ้าง อาการแบบนี้มัน...
“หรือว่าจะโดนสาวบอกรักมา!”จู่ๆก็โพล่งออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
จนชายหนุ่มต้องรีบตะครุบปากโพนี่ไว้ก่อนที่คุณครูจะหันมาปาแปรงลบกระดานใส่พวกเขาแทน
“ไม่หรอกมั้ง”ระฆังแย้งแม้อีกใจจะแอบเห็นด้วยก็ตาม
คนอย่างทุเรียนนอกจากทุเรียนแล้ว เขายังไม่เคยเห็นจะแลสาวที่ไหนเลย
ขนาดโพนี่ที่ทั้งสวยและน่ารักยังไม่อยู่ในสายตาเลยสักนิด
“ก็ไม่แน่นะ
ขนาดเราคุยกันแบบนี้ยังไม่รู้สึกตัวเลย นู่นน เช็คโทรศัพท์อีกล่ะ”หญิงสาวยังคงยัดข้อหาให้เพื่อนแบบไม่ยอมแพ้แม้เสียงที่พูดออกมาจะปนด้วยความหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย
อย่ามาบังอาจมีแฟนก่อนชั้นนะยะ!
ยังไม่ทันที่ระฆังจะได้พูดอะไร
เสียงออดเลิกเรียนก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ทุเรียนที่นั่งเช็คมือถืออยู่รีบยัดข้าวของลงกระเป๋านักเรียนแล้วจ้ำอ้าวออกไปจากห้องทันทีก่อนที่จะได้ทำความเคารพคุณครู
นั่นยิ่งทำให้โพนี่มั่นใจมากขึ้นไปอีก
“หรือว่าใช่จริงๆอ่ะระฆัง!”ไม่ว่าเปล่าแถมยังเขย่าคอเสื้อเพื่อนแรงๆ จนระฆังต้องยกมือปรามบอกให้หยุดก่อนที่ตนจะขาดอากาศหายใจ
ทุเรียนเดินก้มหน้าอ่านข้อความจากคนที่ทำให้เขาไม่มีสมาธิเรียนตลอดทั้งวัน
[รออยู่ที่ห้องลีลาศ]
ข้อความสั้นๆที่ทำให้ดีใจจนตัวลอย
แค่คิดว่ารุ่นพี่คนนั้นยอมสอนให้ก็ดีแค่ไหนแล้ว
สองเท้ารีบเพิ่มความเร็วไปตามสถานที่นัดหมายทันที
ห้องลีลาศของโรงเรียนมีขนาดใหญ่ประมาณห้องเรียนสามห้องรวมกัน
ประดับห้องด้วยแชนเดอเลียร์อันโตที่ซื้อมาเพื่อผลาญงบประมาณโรงเรียนเล่นๆ
ห้องถูกตกแต่งในสไตล์ยุโรปเพื่อเพิ่มความโรแมนติก ดังนั้นห้องลีลาสของโรงเรียนเลยได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ที่คนนิยมมาบอกรักกันมากที่สุด
ร่างในชุดดำอันคุ้ยเคยยืนเตะเท้าอยู่กลางห้อง
ทันทีที่เขาเห็นทุเรียน ชายหนุ่มก็รีบเดินเข้ามาหาทันที
“สายัณห์สวัสดิ์ครับพี่”ทุเรียนก้มตัวไหว้ด้วยความนอบน้อมทว่าแฝงไว้ด้วยความกวนตีนเล็กๆ
“ถ้างั้นรับไหว้”อีกฝ่ายก็รับไหว้ด้วยท่าทีไม่ต่างกัน
ทุเรียนมองซ้ายขวาไปรอบห้องก่อนจะพบว่าในห้องลีลาศนี้มีเพียงแค่พวกเขาสองคน
ทั้งๆที่ปกติทุกเย็นจะมีคนในชมรมลีลาสมาใช้ห้องสำหรับซ้อม
“นี่พี่ถึงกับยึดห้องลีลาศเพื่อใช้สอนผมเลยหรอเนี่ย”
อีกาดำไม่ตอบ
แต่อันที่จริงแล้วจะใช้คำว่า ยึด เองก็ไม่ถูกเท่าไหร่ ตอนที่เขามาเจรจากับคนในชมรมเพื่อขอใช้พื้นที่ห้องสำหรับซ้อมบางส่วน
อยู่ดีๆคนทั้งชมรมก็พร้อมใจกันยกห้องนี้ให้เขาแล้วบอกว่าจะไปซ้อมกันเองที่สวนหลังโรงเรียน
‘เชิญตามสบายเลยครับรุ่นพี่’ มีคนในชมรมพูดกับเขาไว้แบบนั้น
“ช่างเรื่องยึดห้องแล้วมาซ้อมกันเถอะ”อีกาตัดบท
ทุเรียนเห็นดังนั้นจึงยักไหล่ ชายตัวเล็กวางของไว้ที่มุมห้องแล้วเดินไปหาอีกา
“พี่เอาเพลงอะไรมาอ่ะ”
“ฝากรักของดิอินโนเซ้นท์”
“แหม่
ตอนแรกนึกว่าจะเอาของสุนทราภรณ์มา”ไม่คิดว่าจะเอาเพลงใหม่กว่านี้มานิ๊ดนึง
แปลกใจจังฮะ
“นายเห็นฉันเป็นคนยังไงกัน
หือ?”อีกาถามขณะยังคงใส่แผ่นเพลงลงวิทยุเทป
ทุเรียนผิวปากเฉไฉพร้อมกับขยับตัวเป็นสเต็ปซ้ายขวา
“ผมบอกไว้ก่อนนา
นอกจากดึงดาวแล้วอย่างอื่นผมเต้นไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่”ไม่ว่าเปล่าแถมโชว์สเต็ปการดึงดาวให้รุ่นพี่ดูอีกต่างหาก
เด็กน้อยสะดุ้งเมื่อจู่ๆรุ่นพี่ตรงหน้าเดินเข้ามาโอบเอว
แถมยังดึงเข้าไปใกล้ จนได้ยินเสียงแหบของอีกากระซิบอยู่ข้างๆหู “ไม่ต้องห่วง
ฉันมีเวลาสอนนายได้ทั้งวัน”
แล้วเพลงก็เริ่มบรรเลง
ถึงปากจะบอกว่าเต้นไม่คล่องแต่ทุเรียนก็เป็นผู้ตามที่ดีมาก
แต่กว่าจะรู้ตัวชายหนุ่มก็กลายเป็นผู้เต้นในฐานะ “ฝ่ายหญิง”เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ทำไมผมต้องเต้นท่าผู้หญิงด้วยอะ!”
ถ้าเต้นท่าผู้ชายแล้วฉันกอดนายไม่ถนัด
“อยากเต้นกับผู้หญิงได้ก็ต้องทำความเข้าใจผู้หญิงเสียก่อน”สิ่งที่คิดกับสิ่งที่พูดสวนทางกันไปคนละความหมาย
ถ้าเป็นคนอื่นคงจะฉุกคิดได้แต่กับรุ่นน้องคนนี้ไม่ใช่
ทุเรียนทำแค่พยักหน้าแล้วเต้นต่อไปเรื่อยๆ
“น่ารัก”แต่บางครั้งสิ่งที่คิดก็หลุดออกมาจริงๆ
“ห้ะ?!”
“นายไง”แต่รอบนี้อีกาไม่คิดจะแก้ตัว
“ฉันชมว่านายน่ารัก”
“บ้า!”ทุเรียนแย้งเสียงสูง
“ใครเขาชมผู้ชายว่าน่ารักกัน พี่นี่ท่าจะเพี้ยน”ถึงจะไม่เห็นหน้าแต่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าภายในหน้ากากนั่นคงแดงแบบลูกมะเขือเทศแน่ๆ
“แบบนี้แหละที่เรียกว่าน่ารัก”อีกายังคงชมด้วยคำเดิม
เขาชอบจริงๆเวลาที่อีกคนแสดงท่าทีเขินแล้วไม่รู้ตัวแบบนี้ ก่อนที่ทุเรียนจะเหยียบเท้าเขาแรงๆเป็นการลงโทษ
บทเพลงยังคงเล่นไปตามปกติ
แต่พวกเขาสองคนกลับไม่ได้เต้นไปตามเพลง เปลี่ยนมายืนโอบคอและเอวกัน แล้วโยกตัวไปตามทำนองเบาๆ
“ไม่ซ้อมต่อแล้วหรือไง”หนุ่มรุ่นพี่ถาม
“พี่นั่นแหละ
ไม่นำเต้นต่อรึไง”
“ไม่ล่ะ”อีกาดำยิ้ม
“อยู่แบบนี้แหละดีแล้ว”
“ถ้าผมสอบตกพี่ต้องรับผิดชอบนะ”
อีกาดำเลิกคิ้ว
“คนอย่างนายรู้จักคำว่าสอบตกด้วยหรือไง”
“ใครจะไปรู้ล่ะ ผมอาจสอบตกวิชานี้ก็ได้”ทุเรียนพูดติดตลก
“แล้วถ้าเป็นแบบนั้นพี่ต้องรับผิดชอบ”
หน้ากากอีกาดำกระชับเอวคนตรงหน้าให้แน่นขึ้นจนกลายเป็นว่าพวกเขากำลังกอดกัน
“อยากให้รับผิดชอบยังไงล่ะ”ชายหนุ่มถามเสียงเบา
เขารู้ว่าการพูดด้วยเสียงนี้มีผลต่อทุเรียนน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนมากที่สุด
ทุเรียนอึกอักเมื่อวงแขนอีกคนกอดเขาแน่นขึ้น
ไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อนเลยไม่รู้จะทำอย่างไร ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนไปซบหน้าลงกับไหล่ของอีกฝ่ายแทนแล้วส่งเสียงอู้อี้ที่จับใจความแทบไม่ได้ออกมา
“เลิกเรียนแล้วบ้านช่องยังไม่กลับกันอีกหรอ”
เสียงของบุคคลที่สามทำให้ทุเรียนแทบจะดีดตัวออกมาราวกับมีสปริงติดอยู่
อีกาดำมองผู้มาขัดจังหวะด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
แล้วยิ่งไม่เห็นมิตรมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
หน้ากากจิงโจ้ยืนเท้าเอวอยู่หน้าประตู
ถึงใบหน้าจะกำลังยิ้มแย้ม แต่ที่จริงแล้วเขาเองก็หงุดหงิดไม่แพ้หน้ากากอีกาดำ
“นี่ฉันมาขัดจังหวะอะไรรึเปล่า”สายตาจ้องมาที่อีกาดำโดยเฉพาะ
“เปล่าครับพี่จิงโจ้”ทุเรียนละล่ำละลักตอบกลับไป
“ผมกลับบ้านแล้วนะครับ ลาพวกพี่ทั้งคู่เลยแล้วกัน”พูดจบก็รีบใส่เกียร์หมา 4 x 100 วิ่งออกจากห้องไปทันที
ภายในห้องจึงเหลือเพียงชายหนุ่มต่างวัยอยู่สองคน
“เด็กนอกอย่างคุณนี่สะกดคำว่ากาลเทศะไม่เป็นสินะ”ไม่ปิดบังน้ำเสียงที่แสดงถึงความไม่พอใจอย่างยิ่งของรุ่นพี่ปีสุดท้าย
“แล้วคนฉวยโอกาสแบบคุณเนี่ย
เรียกว่ามีกาลเทศะด้วยหรอครับ”
ต่างฝ่ายต่างจ้องกันแบบไม่มีใครยอมใคร
บรรยากาศรอบตัวเริ่มกดดัน พวกเขาเป็นเหมือนน้ำกับน้ำมันที่ไม่สามารถรวมเข้าด้วยกันได้
โดยที่ต้นเหตุมาจากคนที่หนีออกไปก่อนล้วนๆ
อีกาดำเดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเองที่มุมห้อง
ก่อนจะเดินตรงไปที่ประตูซึ่งมีหมูป่ามายืนรออยู่แล้ว
ชายหนุ่มรุ่นพี่หันมายิ้มเยาะให้รุ่นน้องก่อนเดินออกไป
“วันนี้ผมชนะ”
หน้ากากจิงโจ้กำหมัดแน่น เขารู้สึกอยากจะพุ่งออกไปแลกหมัดกับผู้ชายคนนี้ซักยก
ถ้าไม่ติดว่าเขาเองก็โดนทัณฑ์บนและอีกฝ่ายก็ใกล้จะจบม.6 แล้ว
ก่อนที่ฟางเส้นสุดท้ายจะขาดเพราะคำพูดของหน้ากากอีกาดำ
“และผมจะชนะคุณตลอดไป”
_________________________________________________________________________________________________
ไปมโนต่อกันเองนะคะว่าจะเกิดมวยขึ้นในห้องลีลาสมั้ย5555(แต่ถ้าเกิดจริงหมูป่าคงมาห้ามทัพไว้ก่อน)
จริงๆเราชอบจิงโจ้ x อีกานะ แต่ที่แต่งๆมามันอีกากะทุเรียนทั้งนั้นเลยอะ...
ตรวจคำผิดไปหลายรอบจนขี้เกียจตรวจล่ะ ถ้าเจอคำผิดวานฝากบอกทีค่ะ ไม่ไหวแล้ว ปวดตา แงงง
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ เด็กหญิงจานบิน ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เด็กหญิงจานบิน
ความคิดเห็น